เลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับคุณ
PEAK มีแพ็กเกจให้เลือก 5 ระดับ ดังนี้
Basic : ธุรกิจขนาดเล็ก ที่มีผู้ใช้งานร่วมกันสูงสุดไม่เกิน 5 คน , จำนวนช่องทางการเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ช่องทาง
Pro : ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มีผู้ใช้งานร่วมกันสูงสุดไม่เกิน 10 คน , จำนวนช่องทางการเงินสูงสุดไม่เกิน 10 ช่องทาง และต้องการให้ระบบบันทึกต้นทุนขายอัตโนมัติแบบ FIFO หรือกระทบยอดธนาคาร
Pro Plus : ✨แพ็กเกจยอดนิยม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่มีผู้ใช้งานร่วมกันสูงสุดไม่เกิน 10 คน , จำนวนช่องทางการเงินสูงสุดไม่เกิน 25 ช่องทาง , สามารถสร้างรายการจากการนำเข้าไฟล์ Excle ต้องการวิเคราะห์ธุรกิจ รวมถึงเชื่อมต่อกับแอฟพลิเคชั่นอื่น ๆ (API) ได้
Premium : ธุรกิจที่ต้องการควบคุมภายในที่ดีขึ้น (คลิกสนใจให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ)
Enterprise : ธุรกิจขนาดใหญ่ บริษัทมหาชน (คลิกสนใจให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ)
✨ แนะนำแพ็กเกจ Pro Plus ซึ่งเป็นแพ็กเกจที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยเหตุผลดังนี้
ฟังก์ชันครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้งสำหรับเจ้าของธุรกิจ ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายบุคคล ฝ่ายจัดซื้อ และพนักงานแอดมินในกิจการ ให้คุณใช้งานโปรแกรมร่วมกันได้
รองรับฟังก์ชันใหม่ อัปเดตเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
วิธีการอัปเกรด/ต่ออายุ/จ่ายชำระเงินค่าแพ็กเกจ มี 2 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 จ่ายชำระค่าเงินแพ็กเกจแบบอัตโนมัติ ✨แนะนำ
ทำไมต้องเลือกการต่ออายุแบบอัตโนมัติ ?
ไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมต่ออายุ : ตั้งค่าแค่ครั้งเดียว ระบบจะต่ออายุให้อัตโนมัติ
ใช้งานต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด : ระบบต่ออายุให้ล่วงหน้าก่อนหมดอายุ 3 วัน
ประหยัดเวลา : ไม่ต้องเข้ามาต่ออายุเอง
รับส่วนลดพิเศษ : เฉพาะลูกค้าที่เลือกการต่ออายุอัตโนมัติ
ขั้นตอนการต่ออายุแบบอัตโนมัติมีดังนี้
1. เข้าที่เมนูตั้งค่า > อัปเกรด/ต่ออายุแพ็กเกจ
2. เลือกจำนวนเดือนและแพ็กเกจที่ต้องการ > กดปุ่ม "อัปเกรด" (หากเคยอัปเกรดแล้ว ระบบจะแสดงปุ่มเป็น " ต่ออายุ " แทน
3. ตรวจสอบคำสั่งซื้อ
แพ็กเกจหลัก และหัก ณ ที่จ่าย :
ตรวจสอบแพ็กเกจหลักและระยะเวลาที่ต้องการใช้งาน
สำหรับผู้ใช้ประเภทนิติบุคคล หัก ณ ที่จ่าย 3% หากใช้ระบบ e-Withholding Tax (e-WHT) หัก ณ ที่จ่าย 1%
แพ็กเกจเสริมจำนวนผู้ใช้งาน และช่องทางการเงิน (ถ้ามี) : หากกิจการของคุณมีจำนวนผู้ใช้งาน หรือช่องทางการเงิน มากกว่าในแพ็กเกจหลัก สามารถเพิ่มแพ็กเกจเสริมเพื่อเพิ่มผู้ใช้งานได้ หรือช่องทางการเงินได้
วิธีการต่ออายุ กด "ต่ออายุอัตโนมัติ"
เลือกข้อมูลสำหรับออกใบกำกับภาษี : สามารถเลือกที่อยู่ตามกิจการ หรือเพิ่มที่อยู่อื่น ๆ
สรุปคำสั่งซื้อ : ตรวจสอบสรุปคำสั่งซื้อและยอดที่ต้องชำระทุกครั้งก่อนกดปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
กดปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
4. เพิ่มข้อมูลบัตรเครดิต
เลือก "บัตรเครดิต/เดบิต"
เพิ่มข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต (กรณีชำระด้วยบัตรเครดิตครั้งแรก)
เมื่อกดปุ่ม + เพิ่มบัตร หน้าจอจะแสดง Pop-Up เพิ่มบัตรเครดิต/เดบิต ให้ทำการระบุข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต เพื่อใช้สำหรับการชำระค่าแพ็กเกจ เมื่อระบุข้อมูลเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม "เพิ่ม"
ตรวจสอบสรุปคำสั่งซื้อและยอดที่ต้องชำระ
และกดปุ่ม "ยืนยันการชำระ" เพื่อเสร็จสิ้นการทำรายการ
- จบขั้นตอนการอัปเกรด/ต่ออายุ/ชำระค่าแพ็กเกจแบบอัตโนมัติ -
วิธีที่ 2 ชำระค่าแพ็กเกจด้วยตนเอง
1. เข้าที่เมนูตั้งค่า > อัปเกรด/ต่ออายุแพ็กเกจ
2. เลือกจำนวนเดือนและแพ็กเกจที่ต้องการ > กดปุ่ม "อัปเกรด" (หากเคยอัปเกรดแล้ว ระบบจะแสดงปุ่มเป็น "ต่ออายุ" แทน
3. ตรวจสอบคำสั่งซื้อ
แพ็กเกจหลัก และหัก ณ ที่จ่าย :
ตรวจสอบแพ็กเกจหลักและระยะเวลาที่ต้องการใช้งาน
สำหรับผู้ใช้ประเภทนิติบุคคล หัก ณ ที่จ่าย 3% หากใช้ระบบ e-Withholding Tax (e-WHT) หัก ณ ที่จ่าย 1%
แพ็กเกจเสริมจำนวนผู้ใช้งาน และช่องทางการเงิน (ถ้ามี) : หากกิจการของคุณมีจำนวนผู้ใช้งาน หรือช่องทางการเงิน มากกว่าในแพ็กเกจหลัก สามารถเพิ่มแพ็กเกจเสริมเพื่อเพิ่มผู้ใช้งานได้ หรือช่องทางการเงินได้
วิธีการต่ออายุ กด "ต่ออายุรายครั้ง"
เลือกข้อมูลสำหรับออกใบกำกับภาษี : สามารถเลือกที่อยู่ตามกิจการ หรือเพิ่มที่อยู่อื่น ๆ
สรุปคำสั่งซื้อ : ตรวจสอบสรุปคำสั่งซื้อและยอดที่ต้องชำระทุกครั้งก่อนกดปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
กดปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
4. เลือกวิธีการชำระค่าแพ็กเกจ ซึ่งมีการชำระ 3 แบบดังนี้
ชำระแบบที่ 1: ชำระผ่านคิวอาร์โค้ด (Scan QR Code)
ชำระแบบที่ 2: โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารและแนบสลิปการโอนเงิน
ชำระแบบที่ 3: ชำระผ่านบัตรเครดิต/เดบิต
ชำระแบบที่ 1 ชำระผ่านคิวอาร์โค้ด (Scan QR Code)
เลือก "คิวอาร์โค้ด"
ตรวจสอบสรุปคำสั่งซื้อและยอดที่ต้องชำระ
สแกนจ่ายผ่านแอปธนาคาร (ต้องชำระภายใน 5 นาที หากเกินเวลาให้สร้าง QR Code ใหม่)
กดปุ่ม "ยืนยันการชำระเงิน" เพื่อเสร็จสิ้นการทำรายการ
- จบการชำระค่าแพ็กเกจแบบสแกนคิวอาร์โค๊ด -
ชำระแบบที่ 2 โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารและแนบสลิปการโอนเงิน
เลือก "โอนเงิน"
ตรวจสอบสรุปคำสั่งซื้อและยอดที่ต้องชำระ
ทำการโอนเงินมาที่
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน รหัสสาขา 0111
เลขที่บัญชี : 111-433805-8
SWIFTCODE : SICOTHBK
ชื่อบัญชี : บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จำกัด
ใส่รายละเอียด วันที่โอน , เวลา และบันทึก (ถ้ามี)
แนบหลักฐานหรือสลิปการโอนเงิน
กดปุ่ม "ยืนยันการชำระ" เพื่อเสร็จสิ้นการทำรายการ
- จบการชำระเงินค่าแพ็กเกจแบบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารและแนบสลิปการโอนเงิน -
ชำระแบบที่ 3 ชำระผ่านบัตรเครดิต/เดบิต
เลือก "บัตรเครดิต/เดบิต"
เพิ่มข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต (กรณีชำระด้วยบัตรเครดิตครั้งแรก)
เมื่อกดปุ่มเพิ่มบัตร หน้าจอจะแสดง Pop-Up เพิ่มบัตรเครดิต/เดบิต ให้ทำการระบุข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต เพื่อใช้สำหรับการชำระค่าแพ็กเกจ เมื่อระบุข้อมูลเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม "เพิ่ม"
ตรวจสอบสรุปคำสั่งซื้อและยอดที่ต้องชำระ
กดปุ่ม "ยืนยันการชำระ" เพื่อเสร็จสิ้นการทำรายการ
- จบการจ่ายชำระเงินค่าแพ็กเกจแบบผ่านบัตรเครดิต/เดบิต -
หลังจ่ายเงินสำเร็จ
วิธีการแนบหนังสือหัก ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)
กิจการที่มีการหัก ณ ที่จ่าย สามารถดูคู่มือเพื่อแนบหนังสือหัก ณ ที่จ่าย ค่าบริการให้ PEAK ได้ที่นี่
ตรวจสอบหรือดาวน์โหลดใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
หลังจากกดอัปเกรดและส่งหนังสือหัก ณ ที่จ่าย(ถ้ามี) เรียบร้อยแล้ว ทาง PEAK จะทำการตรวจสอบข้อมูลข้างต้น จากนั้นจะจัดส่งใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีภายใน 7 วันทำการ สามารถตรวจสอบหรือดาวน์โหลดเอกสารดังกล่าวได้ 2 ที่ได้ดังนี้
ตรวจสอบทางอีเมล Admin ที่กดอัปเกรดเข้ามา
บริษัทของเราใช้ใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice by email) สามารถตรวจสอบข้อมูลจากเมล Admin ที่กดอัพเกรดเข้ามา และนำเอกสารที่ส่งให้รูปแบบ E-Tax Invoice by email ไปใช้งานได้เลย
ตรวจสอบจากหน้าระบบโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK
สามารถตรวจสอบและดาวน์โหลดใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีได้ที่หน้าระบบ คู่มือวิธีการดาวน์โหลดใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีค่าโปรแกรม PEAK ด้วยตนเอง
หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนที่หน้าแซ็ตของโปรแกรมมุมล่างขวามือ หรือโทร 1485 กด 2
- จบวิธีการอัปเกรด/ต่ออายุ/การจ่ายชำระเงินค่าแพ็กเกจโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK -
คู่มือที่เกี่ยวข้องกับวิธีการอัปเกรด/ต่ออายุ/จ่ายชำระเงินค่าแพ็กเกจ
Keyword : อัปเกรด, ต่ออายุ, จ่ายชำระเงินค่าแพ็กเกจ, ชำระเงินค่าแพ็กเกจ, ชำระเงิน, ชำระค่าโปรแกรม, ค่าโปรแกรม