Skip to main content
All Collectionsอื่น ๆ การตรวจสอบ
วิธีกระทบยอดหรือตรวจสอบรายงานสินค้าคงเหลือกับงบทดลอง (กรณีตั้งค่าให้ระบบบันทึกบัญชีต้นทุนเมื่อขาย)(ซื้อมา-ขายไป) (AD042)
วิธีกระทบยอดหรือตรวจสอบรายงานสินค้าคงเหลือกับงบทดลอง (กรณีตั้งค่าให้ระบบบันทึกบัญชีต้นทุนเมื่อขาย)(ซื้อมา-ขายไป) (AD042)
Updated over 11 months ago

การกระทบยอดหมายถึงอะไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ?

หมายถึง กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องและความสอดคล้องของข้อมูลระหว่าง 2 แหล่งข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลมีความถูกต้องและตรงกัน

ระบบสต๊อกของ PEAK ทำงานอย่างไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ?

  • สต๊อกเป็นแบบคลังเดียว

  • ตั้งค่าให้ระบบคำนวณต้นทุนเมื่อขายหรือไม่คำนวณก็ได้

    • กรณีตั้งค่าให้ระบบบันทึกต้นทุนเมื่อขาย (ต้องมีสินค้าคงเหลือในระบบ)

      • ระบบบันทึกบัญชีเป็นแบบ FIFO (First-In , First-Out สินค้าที่ซื้อเข้ามาก่อนจะถูกบันทึกต้นทุนขายออกก่อน)

      • สามารถผูกผังบัญชีที่ต้องการให้ระบบบัญทึกเมื่อขายได้ตามรูปด้านล่าง

วิธีตรวจสอบความถูกต้อง มี 3 ขั้นตอนดังนี้

วิธีตรวจสอบรายงานสินค้าคงเหลือกับงบทดลองไม่เท่ากัน

ตัวอย่าง

บริษัท ซื้อมา - ขายไป จำกัด ต้องการกระทบยอดหรือตรวจสอบความถูกต้องของรายงานสินค้าเหลือและงบทดลองเพื่อปิดงบบริษัทประจำปี 2023

ขั้นตอนที่ 1 : การเตรียมข้อมูลสำหรับใช้ตรวจสอบ

ข้อมูลที่ใช้กระทบยอด มีดังนี้

1. รายงานสินค้าคงเหลือ

2. งบทดลอง

1. รายงานสินค้าคงเหลือ

1.1 วิธีการพิมพ์รายงาน

เข้าที่เมนูสินค้า > พิมพ์รายงาน > เลือกเงื่อนไขตามตัวอย่างนี้

  • ระบุวันที่ที่ต้องการ

  • แสดงบัญชีที่ใช้บันทึกรายการ

  • แสดงยอดคงเหลือตามบัญชีแยกประเภท

    จากนั้นกดพิมพ์รายงาน

1.2. การเปรียบเทียบข้อมูล

คอลัมน์ที่ใช้เปรียบเทียบจะมี 2 ข้อดังนี้

1.2.1 คอลัมน์ K ต้นทุนขาย เปรียบเทียบกับ คอลัมน์ R ยอดคงเหลือบัญชีต้นทุนขาย (GL)

1.2.2 คอลัมน์ M จำนวนสินค้าคงเหลือ(บาท) เปรียบเทียบกับ คอลัมน์ Q ยอดคงเหลือบัญชีซื้อ ตัวอย่างรายงานสินค้าคงเหลือ

2. กำหนดหัวข้อให้กับคอลัมน์ที่ใช้งาน หรือใส่สีเพื่อให้สังเกตุข้อมูลได้ง่าย ตามภาพตัวอย่าง

ขั้นตอนที่ 2 : การตรวจสอบข้อมูลรายงานสินค้าคงเหลือกับงบทดลอง

สำหรับการตรวจสอบ สามารถตรวจสอบโดยใช้สูตร Excel ได้ ดังนี้

2.1 การตรวจสอบยอดรวมของฝั่งการบันทึกบัญชี เทียบกับฝั่งสินค้า

ใช่สูตร SUBTOTAL สำหรับใช้ Sum ยอดข้อมูล โดยแนะนำให้ระบุไว้ที่แถวล่างสุดของช่อง ยอดคงเหลือบัญชีซื้อ (Column Q) และ ยอดคงเหลือบัญชีต้นทุนขาย (Column R) ดังนี้

  • สูตรเต็ม =SUBTOTAL(9,ช่วงข้อมูลที่ต้องการให้คำนวณข้อมูล)

  • ตัวอย่าง : =SUBTOTAL(9,Q9:Q18)

    • โดยเลข 9 จะมาจากตัวเลือกสูตร Sum ตามภาพด้านล่าง

หลังจากเลือกสูตร Sum แล้ว ให้ระบุ จุลภาค(,) ต่อจากเลข 9 > เลือกคลุมช่วงข้อมูลตัวเลขที่เราต้องการให้คำนวณใน Column Q ทั้งหมด ตามภาพตัวอย่าง

เมื่อระบุสูตรเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงยอด Sum ให้ตามภาพตัวอย่างด้านล่าง > สามารถกดที่จุดสีเขียวลากไปด้านขวา เพื่อคัดลอกสูตรไปยัง Column R (ยอดคงเหลือบัญชีต้นทุนขาย) ได้

สามารถดูยอดรวมเบื้องต้นฝั่งบันทึกบัญชี เทียบกับฝั่งสินค้าได้ โดยดูยอดรวมเทียบกันดังนี้

  • จำนวนสินค้าคงเหลือ(บาท) Column M = ยอดคงเหลือบัญชีซื้อ Column Q

  • ต้นทุนขาย Column K = ยอดคงเหลือบัญชีต้นทุนขาย Column R

หากข้อมูลตรงกันทั้ง 2 ฝั่ง หมายถึงยอดรวมของฝั่งบัญชี ตรงกับฝั่งสินค้า

2.2 การตรวจสอบยอดสินค้ารายตัวของฝั่งการบันทึกบัญชี เทียบกับฝั่งสินค้า

สามารถกดคลุมข้อมูล Column N ถึง Column P > คลิกขวา > กด Hide เพื่อซ่อน Column ทำให้ดูข้อมูลได้ง่ายขึ้น

เพิ่มหัวข้อเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบ ดังนี้

  • Column S : ตรวจสอบยอดสินค้าคงเหลือ

  • Column T : ตรวจสอบยอดต้นทุนขาย

ใช้สูตร IF สำหรับช่วยตรวจสอบ โดยหากยอดคงเหลือสินค้าเท่ากันให้สูตรแสดงข้อความ "ตรงกัน" แต่หากข้อมูลไม่เท่ากันให้สูตรแสดงข้อความ "ไม่ตรงกัน"

  • Column S : ใช้สูตร =IF(M9=Q9,"ตรงกัน","ไม่ตรงกัน") สามารถคัดลอกสูตรนี้วางในไฟล์ได้

  • Column T : ใช้สูตร =IF(K9=R9,"ตรงกัน","ไม่ตรงกัน") สามารถคัดลอกสูตรนี้วางในไฟล์ได้

สามารถใช้เมาส์คลุม Column S และ Column T > กดปุ่มสีเขียวตามภาพด้านล่าง และลากลงจนถึงแถวสุดท้ายของข้อมูล > เพื่อคัดลอกสูตรลงทุกช่องข้อมูล

หาก Column S และ Column T ได้ผลลัพธ์ของสูตรเป็น "ตรงกัน" ทั้งหมด หมายถึงยอดสินค้ารายตัวทางฝั่งบัญชี และฝั่งสินค้าถูกต้องตรงกันทั้งหมด

3. วิธีแก้ไข หากตรวจสอบตามขั้นตอนที่ 2 แล้วสินค้าคงเหลือกับงบทดลองไม่ตรงกัน

กรณีที่ยอดไม่ตรงกัน เกิดได้จากสาเหตุดังนี้

1. ขั้นตอนการบันทึกสินค้ายกมา มีการบันทึกยอดยกมาที่เมนูสินค้า แต่ไม่ได้บันทึกบัญชี

2. ขั้นตอนการบันทึกสินค้ายกมา มีการบันทึกยอดยกมาทางบัญชี แต่ไม่ได้บันทึกที่เมนูสินค้า

3. บันทึกยอดยกมาสินค้า หรือยอดทางบัญชีผิดจากยอดคงเหลือจริง (บันทึกขาด/บันทึกเกิน)

วิธีแก้ไข มี 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 : นับสต๊อกสินค้าจริงที่มีอยู่ในกิจการ

  • สามารถใช้วิธีนับสต๊อกตามปกติของกิจการได้เลย

ขั้นตอนที่ 2 : ปรับสต๊อกสินค้า(เมนูสินค้า) ให้สต๊อกตรงกับสินค้าที่มีอยู่ในกิจการ

กรณีสต๊อกจริงมีน้อยกว่าสต๊อกในระบบ : ทำการปรับสต๊อกสินค้าในระบบลดลง

1. เข้าที่เมนูสินค้า > สินค้า/บริการ > ดูภาพรวม > เลือกรหัสสินค้าที่ต้องการ

2. เข้าสู่หน้า "เคลื่อนไหว" > เลือกปุ่ม ทำรายการ > เลือกฟังก์ชัน "ปรับปรุงจำนวนสินค้า"

3. ระบบจะ Pop-up ช่องปรับปรุงจำนวนสินค้าให้ > ระบุวันที่ตรวจนับสินค้า > ใส่จำนวนสินค้าตามที่ตรวจนับได้จริง > กดปรับปรุง

4. ระบบจะบันทึกบัญชี การปรับปรุงยอดสินค้าลดลงให้ โดยใช้สมุดบัญชี JVIN

ตัวอย่างการบันทึกบัญชี

กรณีสต๊อกจริงมีมากกว่าสต๊อกในระบบ : ทำการปรับสต๊อกสินค้าในระบบเพิ่มขึ้น

1. ให้ทำการตรวจสอบการบันทึกซื้อสินค้า ว่ามีการบันทึกซื้อในระบบครบถ้วนตามเอกสารจริงหรือไม่ โดยให้บันทึกซื้อเอกสารที่ตกหล่นเข้ามาในระบบตามคู่มือด้านล่างนี้

2. หากบันทึกซื้อสินค้าครบถ้วนแล้ว แต่สินค่าในระบบยังมีน้อยกว่าสต๊อกจริง ให้ตรวจสอบบันทึกยอดยกมาตั้งต้นของสินค้า และบันทึกยอดยกมาของสินค้าดังนี้

  • แนะนำให้ทำการตรวจสอบงบทดลองตั้งต้นของกิจการก่อนว่าบันทึกยอดยกมาใน PEAK ตรงกับงบ ณ สิ้นงวดก่อนเริ่มใช้ PEAK หรือไม่ : หากงบทดลองถูกต้อง สามารถใช้วิธีเพิ่มยอดยกมาสินค้าตามตัวอย่างนี้ได้

ขั้นตอนการแก้ไขยอดยกมาสินค้า

1. เข้าที่เมนูสินค้า > สินค้า/บริการ > ดูภาพรวม > เลือกรหัสสินค้าที่ต้องการ

2. เข้าสู่หน้า "เคลื่อนไหว" > เลือกปุ่ม ทำรายการ > เลือกฟังก์ชัน "แก้ไขยอดยกมาสินค้า"

3. ระบบจะ Pop-up ช่องแก้ไขยอดยกมาสินค้า > หากไม่มีข้อมูลยอดยกมาตามภาพตัวอย่าง หมายถึงสินค้านี้ไม่เคยบันทึกยอดยกมา > กด"แก้ไข"

4. ใส่ข้อมูลสินค้ายกมา โดยวันที่ระบุวันเดียวกับวันที่บันทึกยอดยกมาทางบัญชีเข้ามาในระบบ > ใส่จำนวนสินค้า และราคาต่อหน่วย > หากสินค้ามีหลาย Lot สามารถกดเพิ่ม Lot ได้

5. การบันทึกยอดยกมาที่เมนูสินค้า จะไม่มีการบันทึกบัญชี

  • กรณีที่งบทดลองของยอดยกมาบน PEAK ตรงกับงบ ณ สิ้นงวดก่อนเริ่มใช้ PEAK อยู่แล้ว แต่สินค้าน้อยกว่าสต๊อกจริง เป็นสาเหตุ : ขั้นตอนการบันทึกสินค้ายกมา มีการบันทึกยอดยกมาทางบัญชี แต่ไม่ได้บันทึกที่เมนูสินค้า


    ** ดังนั้นจึงแนะนำให้บันทึกยอดยกมาเข้ามาในเมนูสินค้า เพื่อเติมเต็มในส่วนที่บันทึกขาด

หลังจากทำการปรับสต๊อกสินค้าในระบบให้ตรงกับสต๊อกจริงเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการพิมพ์รายงานสินค้าออกจากระบบ และทำการตรวจสอบตาม ขั้นตอนที่ 2 : การตรวจสอบข้อมูลรายงานสินค้าคงเหลือกับงบทดลอง อีกครั้ง

  • หากข้อมูลสินค้าและการบันทึกบัญชียังไม่ตรงกัน ให้ทำการปรับปรุงบัญชีตามขั้นตอนถัดไป

ขั้นตอนที่ 3 : ปรับปรุงการบันทึกบัญชีของสินค้า ให้ตรงกันสต๊อกสินค้า(เมนูสินค้า)

เนื่องจากในขั้นตอนก่อนหน้า มีการปรับข้อมูลสินค้าให้ตรงกับสต๊อกจริงแล้ว จึงยึดข้อมูลฝั่งสินค้าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง > ดังนั้นจึงต้องปรับปรุงข้อมูลบัญชีให้ตรงกับข้อมูลสินค้า

ตัวอย่างรายงานสินค้าคงเหลือ ที่ตรวจสอบพบว่ายอดฝั่งบัญชีไม่ตรงกับฝั่งสินค้า ดังนี้

  1. Excel Row 9 : ยอดคงเหลือบัญชีซื้อติดลบ 400 น้อยกว่าฝั่งสินค้า

  2. Excel Row 11 : ยอดคงเหลือบัญชีซื้อเป็นบวก 2,000 มากกว่ากว่าฝั่งสินค้า

วิธีปรับปรุงการบันทึกบัญชี

กรณีที่ 1 : ยอดคงเหลือบัญชีซื้อติดลบ

ตัวอย่าง : Excel Row 9 : ยอดคงเหลือบัญชีซื้อติดลบ 400

อ่านข้อมูลและคำอธิบายกรณีตัวอย่างเพิ่มเติมได้ที่นี่

ยอดคงเหลือบัญชีซื้อติดลบหมายถึง : มียอดสินค้าในบัญชีสินค้าสำเร็จรูป อยู่ในฝั่งเครดิต มากกว่าเดบิต

  • ซึ่งถือว่าเป็นกรณียอดบัญชีซื้ออยู่ผิดฝั่งบัญชี เพราะสินค้าคงเหลือของกิจการ หากมีสินค้าอยู่ในสต็อก ยอดคงเหลือทางบัญชี ควรอยู่ในฝั่งเดบิตเสมอ

ตามตัวอย่างนี้ หมายถึง มียอดคงเหลือบัญชี สินค้าสำเร็จรูป อยู่ในฝั่งเดบิต 400 บาท

วิธีคำนวณหายอดที่หายไป สามารถทำได้ดังนี้

  1. ปรับยอดติดลบเป็น 0 : Column Q(-400)+400 = 0 จะได้ยอดที่หายไปคือ 400

  2. นำยอดที่หายไปบวกกับจำนวนสินค้าคงเหลือ : 400 + Column M 1,600 = 2,000

    จะได้ผลลัพธ์ ยอดเดบิตที่หายไป = 2,000

ยอดยอดคงเหลือบัญชีซื้อติดลบ มักจะเป็นสาเหตุ : ขั้นตอนการบันทึกสินค้ายกมา มีการบันทึกยอดยกมาที่เมนูสินค้า แต่ไม่ได้บันทึกบัญชี สาเหตุนี้งบทดลองตั้งต้นมักจะบันทึกไม่ถูกต้องด้วย

  • แนะนำให้ทำการตรวจสอบงบทดลองตั้งต้นของกิจการก่อนว่าบันทึกยอดยกมาใน PEAK ตรงกับงบ ณ สิ้นงวดก่อนเริ่มใช้ PEAK หรือไม่ : หากงบทดลองไม่ถูกต้อง แนะนำให้ปรับปรุงบัญชีตามตัวอย่างนี้

วิธีการปรับปรุงบัญชี ยอดคงเหลือบัญชีซื้อติดลบ

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบยอดยกมาของรหัสสินค้านี้ จากเมนูสินค้า

1. เข้าที่เมนูสินค้า > สินค้า/บริการ > ดูภาพรวม > เลือกรหัสสินค้าที่ต้องการ

2. เข้าสู่หน้า "เคลื่อนไหว" > เลือกปุ่ม ทำรายการ > เลือกฟังก์ชัน "แก้ไขยอดยกมาสินค้า"

3. ระบบจะแสดงช่อง"แก้ไขยอดยกมาสินค้า" > นำจำนวน คูณ ราคาต่อหน่วย เพื่อให้ทราบมูลค่าของสินค้ายกมา (สังเกตุได้ว่า ยอดยกมาที่คำนวณได้จะเท่ากับยอดเดบิตที่หายไป)

ขั้นตอนที่ 2 : บันทึกบัญชีปรับปรุงที่สมุดบัญชีรายวัน

1. เข้าเมนูบัญชี > บัญชีรายวัน > กด "+ สร้างสมุดบัญชีรายวัน"

2. บันทึกบัญชีปรับปรุง เดบิต "114102 - สินค้าสำเร็จรูป" ด้วยมูลค่าของยอดยกมาสินค้า > เลือกบัญชีย่อยเป็นรหัสสินค้าที่ต้องการบันทึก > ฝั่งเครติด ให้ระบุเป็นคู่ขาบัญชีตามงบทดลอง

กรณีที่ 2 : ยอดคงเหลือบัญชีซื้อมากกว่ารายงานสินค้า

ตัวอย่าง : Excel Row 11 : ยอดคงเหลือบัญชีซื้อเป็นบวก 2,000 มากกว่ากว่าฝั่งสินค้า

วิธีคำนวณหายอดที่ส่วนเกิน สามารถทำได้ดังนี้

นำยอดคงเหลือบัญชีซื้อ Column Q - จำนวนสินค้าคงเหลือ(บาท)Column M

  • ได้ข้อมูลดังนี้ 2,000 - 1,800 = 200

    มียอดคงเหลือบัญชีซื้อมากกว่าจำนวนสินค้าคงเหลือ(บาท) = 200

กรณีนี้ มักเป็นสาเหตุ : บันทึกยอดยกมาสินค้า หรือยอดทางบัญชีผิดจากยอดคงเหลือจริง (บันทึกขาด/บันทึกเกิน) สาเหตุนี้งบทดลองตั้งต้นมักจะบันทึกไม่ถูกต้องด้วย

  • แนะนำให้ทำการตรวจสอบงบทดลองตั้งต้นของกิจการก่อนว่าบันทึกยอดยกมาใน PEAK ตรงกับงบ ณ สิ้นงวดก่อนเริ่มใช้ PEAK หรือไม่ : หากงบทดลองไม่ถูกต้อง แนะนำให้ปรับปรุงบัญชีตามตัวอย่างนี้

บันทึกบัญชีปรับปรุงที่สมุดบัญชีรายวัน

1. เข้าเมนูบัญชี > บัญชีรายวัน > กด "+ สร้างสมุดบัญชีรายวัน"

2. บันทึกบัญชีปรับปรุง เครดิต "114102 - สินค้าสำเร็จรูป" ด้วยมูลค่าส่วนเกินที่คำนวณได้ > เลือกบัญชีย่อยเป็นรหัสสินค้าที่ต้องการบันทึก > ฝั่งเดบิต ให้ระบุเป็นคู่ขาบัญชีตามงบทดลอง

- จบวิธีตรวจสอบรายงานสินค้าคงเหลือกับงบทดลองไม่เท่ากัน (ซื้อมา-ขายไป)-

คู่มืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบรายงานสินค้าคงเหลือ

Did this answer your question?