Skip to main content
All Collectionsอื่น ๆ การตรวจสอบ
วิธีการตรวจสอบภาษี ภ.ง.ด. 1, 3 53 และ ภ.พ. 30 ที่ PEAK Tax และงบทดลองไม่ตรงกัน (AD051)
วิธีการตรวจสอบภาษี ภ.ง.ด. 1, 3 53 และ ภ.พ. 30 ที่ PEAK Tax และงบทดลองไม่ตรงกัน (AD051)
Updated over 8 months ago

ในกรณีที่ยอดภาษี ภ.ง.ด.1, 3 และ 53 หรือ ภ.พ.30 บน PEAK Tax เทียบกับงบทดลอง และพบว่ายอดไม่ตรงกัน เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแบ่งได้เป็น 2 เรื่อง ดังนี้

1. ภ.ง.ด.1, 3 และ 53 บน PEAK Tax เทียบกับงบทดลอง แสดงยอดไม่ตรงกัน

วิธีการตรวจสอบภาษี ภ.ง.ด.1, 3 และ 53 บน PEAK Tax เปรียบเทียบกับหน้างบทดลองไม่เท่ากัน ตรวจสอบได้ทั้งหมด 2 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 ยอดคงเหลือในงบทดลองมากกว่ารายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย

สำหรับกรณียอดคงเหลือในงบทดลองมากกว่ารายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย

วิธีการตรวจสอบมีทั้งหมด 2 ขั้นตอนดังนี้

1. เตรียมข้อมูล : พิมพ์รายงานที่เกี่ยวข้อง

2. ตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาที่มาของผลต่าง

นำข้อมูลของทั้ง 3 ไฟล์ให้อยู่ในไฟล์เดียวกัน (รายงานบัญชีแยกประเภท รายงานภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่เมนูการเงิน และรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ PEAK Tax) เพื่อตรวจว่าเอกสารใดทำให้เกิดผลต่าง

ใช้สูตร =VLOOKUP เข้ามาช่วยเพื่อจับคู่เอกสารในรายงานบัญชีแยกประเภท

2.1 แทรกคอลัมน์สำหรับใช้สูตร 1 คอลัมน์ ที่คอลัมน์ I

จากนั้นใส่สูตร ที่เซลส์ I3 คือ =VLOOKUP(H3,การเงิน!$I:$I,1,FALSE)

จากนั้นใส่สูตร ที่เซลส์ J3 คือ =VLOOKUP(H3,'PEAK Tax'!$O:$O,1,FALSE)

2.2 Double คลิกที่จุดสีเขียว เพื่อให้สูตรรันไปรายการอื่น ๆ

2.3 คอลัมน์ I2 ใช้สูตร Sort & Filter เพื่อหารายการที่ไม่มีคู่

2.4 กรองเฉพาะรายการที่แสดง #N/A เพราะเป็นรายการที่ไม่มีคู่ และเป็นรายการที่ไม่แสดงในรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย และคลิกเข้าดูที่เอกสาร

2.5 ดูที่ คอลัมน์ G ว่ารายการใดไม่แสดงเลขที่อ้างอิง นั่นหมายถึง มีการบันทึกรายการที่สมุดรายวันโดยตรง ข้อมูลจึงไม่แสดงในรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย

  • ตัวอย่างสมุดรายวันที่บันทึกโดยตรง

หากทำการบันทึกโดยตรงไม่ผ่านเมนูรายจ่าย สามารถสังเกตได้จาก "เอกสารอ้างอิง" จะไม่มีการแสดงเลขที่เอกสาร

กรณีที่ 2 ยอดคงเหลือในงบทดลองน้อยกว่ารายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย

สำหรับกรณียอดคงเหลือในงบทดลองมากกว่ารายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย

วิธีการตรวจสอบมีทั้งหมด 2 ขั้นตอนดังนี้

1. เตรียมข้อมูล : พิมพ์รายงานที่เกี่ยวข้อง

2. ตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาที่มาของผลต่าง

นำข้อมูลของทั้ง 3 ไฟล์ให้อยู่ในไฟล์เดียวกัน (รายงานบัญชีแยกประเภท รายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่เมนูการเงิน และรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ PEAK Tax) เพื่อตรวจว่าเอกสารใดทำให้เกิดผลต่าง

ใช้สูตร =VLOOKUP เข้ามาช่วยเพื่อจับคู่เอกสารในรายงานบัญชีแยกประเภท

2.1 จากนั้นใส่สูตร ที่เซลส์ P9 คือ =VLOOKUP(O9,การเงิน!$I:$I,1,FALSE)

จากนั้นใส่สูตร ที่เซลส์ Q9 คือ =VLOOKUP(O9,บัญชีแยกประเภท!$H:$H,1,FALSE)

2.2 Double คลิกที่จุดสีเขียว เพื่อให้สูตรรันไปรายการอื่น ๆ

2.3 คอลัมน์ P8 ใช้สูตร Sort & Filter เพื่อหารายการที่ไม่มีคู่

2.4 กรองเฉพาะรายการที่แสดง #N/A เพราะเป็นรายการที่ไม่มีคู่ และเป็นรายการที่ไม่แสดงในรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย และคลิกเข้าดูที่เอกสาร

2.5 ดูที่ คอลัมน์ G ว่ารายการใดไม่แสดงเลขที่อ้างอิง นั่นหมายถึง มีการบันทึกรายการที่ PEAK Tax โดยตรง ข้อมูลจึงไม่แสดงที่บัญชีแยกประเภท

  • ตัวอย่างใบหัก ณ ที่จ่ายที่บันทึกรายการที่ PEAK Tax โดยตรง

หากทำการบันทึกโดยตรงบน PEAK Tax ไม่ผ่านเมนูรายจ่าย สามารถสังเกตได้จาก "อ้างอิง 1 ,อ้างอิง 2" จะไม่มีการแสดงเลขที่เอกสาร และเลขที่สมุดรายวันของระบบ

2. ภ.พ.30 บน PEAK Tax เทียบกับงบทดลอง แสดงยอดไม่ตรงกัน

วิธีการตรวจสอบภาษีซื้อ-ขาย บน PEAK Tax เปรียบเทียบกับหน้างบทดลองไม่เท่ากัน ตรวจสอบได้ทั้งหมด 2 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 ยอดคงเหลือในงบทดลองมากกว่ารายงานภาษีซื้อ-ขาย

สำหรับกรณียอดคงเหลือในงบทดลองมากกว่ารายงานภาษีซื้อ-ขาย

วิธีการตรวจสอบมีทั้งหมด 2 ขั้นตอนดังนี้

1. เตรียมข้อมูล : พิมพ์รายงานที่เกี่ยวข้อง

2. ตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาที่มาของผลต่าง

นำข้อมูลของทั้ง 2 ไฟล์ให้อยู่ในไฟล์เดียวกัน (รายงานบัญชีแยกประเภท กับรายงานภาษีซื้อ-ขาย ที่ PEAK Tax) เพื่อตรวจว่าเอกสารใดทำให้เกิดผลต่าง

ใช้สูตร =VLOOKUP เข้ามาช่วยเพื่อจับคู่เอกสารในรายงานภาษีขาย

2.1 แทรกคอลัมน์สำหรับใช้สูตร 1 คอลัมน์ ที่คอลัมน์ J

จากนั้นใส่สูตร ที่เซลส์ J3 คือ =VLOOKUP(D2,รายงานภาษีขาย!B:B,1,FALSE)

2.2 Double คลิกที่จุดสีเขียว เพื่อให้สูตรรันไปรายการอื่น ๆ

2.3 คอลัมน์ J2 ใช้สูตร Sort & Filter เพื่อหารายการที่ไม่มีคู่

2.4 กรองเฉพาะรายการที่แสดง #N/A เพราะเป็นรายการที่ไม่มีคู่ และเป็นรายการที่ไม่แสดงในรายงานภาษีขาย

2.5 ดูที่ คอลัมน์ D อ้างอิง ว่าแสดงเลขที่อ้างอิงใดไว้ นั่นหมายถึง มีการบันทึกรายการที่ PEAK แต่ไม่มีรายการบน PEAK Tax ข้อมูลจึงไม่แสดงในรายงานภาษีซื้อ-ขาย

2.6 แนะนำทำการค้นหาเลขที่เอกสารนี้บน PEAK Tax เพื่อตรวจสอบข้อมูล หากไม่พบเอกสาร ให้กดดึงข้อมูลรายการภาษีอีกครั้ง

กรณีที่ 2 ยอดคงเหลือในงบทดลองน้อยกว่ารายงานภาษีซื้อ-ขาย

สำหรับกรณียอดคงเหลือในงบทดลองมากกว่ารายงานภาษีซื้อ-ขาย

วิธีการตรวจสอบมีทั้งหมด 2 ขั้นตอนดังนี้

1. เตรียมข้อมูล : พิมพ์รายงานที่เกี่ยวข้อง

2. ตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาที่มาของผลต่าง

นำข้อมูลของทั้ง 2 ไฟล์ให้อยู่ในไฟล์เดียวกัน (รายงานบัญชีแยกประเภท กับรายงานภาษีซื้อ-ขาย ที่ PEAK Tax) เพื่อตรวจว่าเอกสารใดทำให้เกิดผลต่าง

ใช้สูตร =VLOOKUP เข้ามาช่วยเพื่อจับคู่เอกสารในรายงานบัญชีแยกประเภท

2.1 แทรกคอลัมน์สำหรับใช้สูตร 1 คอลัมน์ ที่คอลัมน์ O

จากนั้นใส่สูตร ที่เซลส์ O2 คือ =VLOOKUP(L2,บัญชีแยกประเภท!G:G,1,FALSE)

2.2 Double คลิกที่จุดสีเขียว เพื่อให้สูตรรันไปรายการอื่น ๆ

2.3 คอลัมน์ O1 ใช้สูตร Sort & Filter เพื่อหารายการที่ไม่มีคู่

2.4 กรองเฉพาะรายการที่แสดง #N/A เพราะเป็นรายการที่ไม่มีคู่ และเป็นรายการที่ไม่แสดงในบัญชีแยกประเภท

2.5 ดูที่ คอลัมน์ B เลขที่ใบกำกับ ว่าแสดงเลขที่อ้างอิงใดไว้ นั่นหมายถึง มีการบันทึกรายการที่ PEAK Tax แต่ไม่มีรายการบน PEAK ข้อมูลจึงไม่แสดงในรายงานบัญชีแยกประเภท

2.6 แนะนำทำการค้นหาเลขที่ใบกำกับภาษีนี้บน PEAK Tax เพื่อตรวจสอบข้อมูล ว่าเอกสารนี้อ้างอิงมาจาก PEAK หรือสร้างโดยตรงบน PEAK Tax

  • ตัวอย่างการสัญลักษณ์ของเอกสารที่สร้างมาจาก PEAK

  • หากไม่มีสัญลักษณ์เอกสารนั้นจะเป็นการสร้างโดยตรงบน PEAK Tax ระบบจะไม่มีการลงบันทึกบัญชีให้ จึงไม่มีข้อมูลแสดงที่บัญชีแยกประเภท

  • หากต้องการลงบันทึกบัญชี สามารถดูจาก การบันทึกบัญชีที่สมุดรายวันโดยตรง ได้เลยค่ะ

จบขั้นตอน

- วิธีการตรวจสอบภาษี ภ.ง.ด. 1, 3 53 และ ภ.พ. 30 ที่ PEAK Tax และงบทดลองไม่ตรงกัน -

คู่มืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการตรวจสอบภาษี ภ.ง.ด. 1, 3 53 และ ภ.พ. 30 ที่ PEAK Tax และงบทดลองไม่ตรงกัน

Did this answer your question?