Skip to main content
All Collectionsข้อมูลการเงิน-บัญชีเพิ่มผังบัญชี
การใช้ผังบัญชี PEAK กับธุรกิจ
การใช้ผังบัญชี PEAK กับธุรกิจ

คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการใช้ผังบัญชี PEAK กับธุรกิจ

Updated over 2 weeks ago

ผังบัญชี PEAK ใช้อย่างไร คลิกอ่านที่นี่

เนื่องจากโปรแกรม PEAK มีผังบัญชี 5 หมวด ที่เป็นมาตรฐานในโปรแกรม กิจการสามารถเลือกใช้งานได้ตามรายการที่ต้องการบันทึกบัญชี โดยไม่ต้องทำการสร้างผังบัญชีก่อนใช้งาน และด้วยผังบัญชีที่เป็นมาตรฐานนี้จึงมีข้อจำกัดที่กิจการและผู้ใช้งานควรทราบ

ทำความเข้าใจผังบัญชีที่มีอยู่ในโปรแกรม PEAK

ผังบัญชีที่มีอยู่ในโปรแกรม ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • ผังบัญชีหลัก

    • แสดงถึง หมวดของบัญชี 1-5

    • เลขที่บัญชีในการรัน แสดงอยู่ตำแหน่งที่ 1 และ 2

  • ผังบัญชีรอง

    • แสดงถึง ประเภทบัญชีที่อยู่ภายใต้บัญชีหลัก ชื่อบัญชีนั้นจัดอยู่ในประเภทบัญชีรองใด

    • เลขที่บัญชีในการรัน แสดงอยู่ตำแหน่งที่ 2 และ 3

  • ผังบัญชีย่อย

    • แสดงถึง ประเภทบัญชีที่อยู่ภายใต้บัญชีรอง ชื่อบัญชีนั้นจัดอยู่ในประเภทบัญชีย่อยใด

    • เลขที่บัญชีในการรัน แสดงอยู่ตำแหน่งที่ 4

  • เลขที่บัญชี

    • แสดงถึง เลขที่หรือรหัสบัญชี มีจำนวน 6 ตำแหน่ง ถูกรันอัตโนมัติโดยระบบ ตามการเลือกผังบัญชีหลัก รอง และย่อย

    • เลขที่บัญชีในการรัน แสดงอยู่ตำแหน่งที่ 5 และ 6

    • การรันเลขที่บัญชีต่อจากผังบัญชีย่อย สามารถรันเลข 2 ตำแหน่งสุดท้าย สิ้นสุดที่ xxxx99 เท่านั้น หากเกินจะถูกรันเป็นชื่อผังบัญชีย่อยถัดไป

  • ประเภทเงินได้ภาษี

    • กำหนดประเภทเงินได้ทางภาษีของชื่อบัญชีนั้นๆ ตั้งแต่ 40(1) - 40(8)

    • กำหนดไว้เพื่อให้ระบบสามารถแนะนำอัตราหัก ณ ที่จ่ายได้อยากเหมาะสมเมื่อมีการใช้ผังบัญชีในการสร้างเอกสาร

      • สามารถเลือกประเภทเงินได้ หรือ เลือก "ไม่ระบุ" ก็ได้

  • อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย

    • กำหนดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายของการบันทึกบัญชีนั้นๆ ได้

    • หรือหากต้องการให้ระบบแนะนำให้ สามารถเลือกว่าอัตโนมัติ ระบบจะมี AI แนะนำอัตราหัก ณ ที่จ่ายที่เหมาะสมให้

      • สามารถอัตราภาษร หรือ เลือก "อัตโนมัติ" ก็ได้

ข้อควรทราบของผังบัญชีที่มีอยู่ในโปรแกรม PEAK

ผังบัญชีที่มีอยู่ในโปรแกรม มีข้อควรทราบ 5 ข้อด้วยกัน คือ

  1. ไม่สามารถแก้ไข และเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ได้

  2. ไม่สามารถลบออกจากโปรแกรมได้

  3. ไม่สามารถกำหนด หรือ รันเลขผังบัญชีเองได้

  4. ผังบัญชีในแต่ละหมวดรันเลขบัญชีย่อย 2 หลักสุดท้ายสิ้นสุดที่จำนวน ตัวเลข 99 เท่านั้น หากมากกว่า 99 ระบบจะขึ้นเป็นหมวดบัญชีรองหมวดใหม่ทันที

  5. หากไม่มีการใช้งานผังบัญชีใดในโปรแกรม ชื่อบัญชีนั้นจะไม่ปรากฎในรายงานทางบัญชี และงบทางบัญชีที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่มีการเคลื่อนไหวใดในผังบัญชีนั้นๆ

คำแนะนำในการใช้ผังบัญชีที่มีอยู่ในโปรแกรม PEAK

กิจการ และผู้ใช้งานที่ต้องการ เริ่มต้นใช้งานโปรแกรม PEAK สามารถพิจารณาเลือกการใช้งานผังบัญชีได้เป็น 2 กรณี ด้วยกัน คือ

  • กรณีที่ 1 : ใช้ผังบัญชีที่โปรแกรมมีให้ตามมาตรฐาน

    • กรณีนี้สามารถเลือกใช้ผังบัญชีในการบันทึกบัญชีทันที

  • กรณีที่ 2 : ใช้ผังบัญชีเดิมที่มีชื่อผังบัญชีเฉพาะตามกิจการ

    • กรณีนี้มีข้อแนะนำสำหรับการวางแผนการใช้งานผังบัญชีตามความต้องการของกิจการเพิ่มเติม ดังนี้

กรณีที่ 2.1

เทียบผังบัญชีของกิจการ กับ ผังบัญชีของโปรแกรม ด้วย 4 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 : จัดเตรียมผังบัญชี (เดิม) เฉพาะของกิจการ

ขั้นตอนที่ 2 : พิมพ์รายงานผังบัญชีจากโปรแกรม โดยไปที่

เมนูบัญชี > ผังบัญชี > พิมพ์รายงาน > เลือกบัญชีหลัก และบัญชีย่อย > พิมพ์รายงาน

ขั้นตอนที่ 3 : ทำการเทียบผังบัญชี

  • เพื่อดูว่าสามารถใช้ชื่อบัญชีนั้นๆได้หรือไม่ โดยพิจารณาชื่อและความหมายของบัญชีนั้นๆ หากชื่อหรือความหมายไปในทางเดียวกัน ให้เลือกใช้ผังบัญชีของโปรแกรม

  • หากไม่สามารถใช้ชื่อผังบัญชีของโปรแกรมได้ ให้จัดเรียงชื่อบัญชีของกิจการตามหมวดผังบัญชีหลัก ผังบัญชีรอง และผังบัญชีย่อยของโปรแกรม เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบว่าผังบัญชีนั้นๆ จะถูกรันต่อด้วยเลขบัญชีใด เป็นการวางแผนและปรับใช้ผังบัญชีให้จัดเรียงได้อย่างเหมาะสม

ขั้นตอนที่ 4 : ทำการเพิ่มผังบัญชีในโปรแกรม โดยรันตามหมวดบัญชีต่อจากผังบัญชีที่มีอยู่ โดยไปที่ เมนูบัญชี > ผังบัญชี > +เพิ่มบัญชี

  • บัญชีหลัก ตามหมวดบัญชีที่ต้องการเพิ่ม

  • บัญชีรอง เลือกประเภทบัญชีรองที่ต้องการ

  • บัญชีย่อย

  • เลขที่บัญชี

  • ชื่อภาษาไทย

  • ชื่อภาษาอังกฤษ

  • คำอธิบานบัญชี

  • ประเภทเงินได้ภาษี

  • อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย

กรณีที่ 2.2

สำหรับกิจการที่ใช้ผังบัญชีในการแบ่งหมวดรายได้ และค่าใช้จ่าย เพื่อบันทึกบัญชีรับรู้รายการตามฝ่าย แผนก โครงการ และอื่นๆ ที่มีการจัดสรรไว้เพื่อเรียกดูรายงานในการเปรียบเทียบเฉพาะ หรือ ธุรกิจบริการ ที่มีการรับรู้รายได้จากการให้บริการมากกว่า 99 รายการบริการขึ้นไป สามารถวางแผนการใช้ผังบัญชีได้ 2 วิธีดังนี้

วิธีที่ 1 : ใช้การสร้างรหัส บริการ รับรู้รายได้ตามชื่อของบริการแทนการสร้างผังบัญชี

ตัวอย่างเช่น กิจการมีรายได้จากการให้บริการ A, B, C และ D โดยการให้บริการทั้ง 4 บริการนี้

มีการบันทึกบัญชีเป็นรายได้จากการให้บริการทุกรายการ

  • การใช้ผังบัญชีแบบเดิม สร้างผังบัญชีและรันเลขที่บัญชีตามรายการให้บริการ จะทำให้เกิดชื่อบัญชีรายได้ปริมาณมากเกินความจำเป็น เช่น

    • 410201-01 รายได้จากการให้บริการ A

    • 410201-02 รายได้จากการให้บริการ B

    • 410201-03 รายได้จากการให้บริการ C

    • 410201-04 รายได้จากการให้บริการ D

    • 410201-05 รายได้จากการให้บริการ ……. ต่อไปเรื่อยๆ

  • การวางแผนใช้ผังบัญชีใหม่ สร้างรหัสการบริการและผูกผังบัญชีรายได้จากการให้บริการ จะทำให้ผังบัญชีรายได้ปรากฎผังบัญชีเพียงชื่อบัญชีเดียว หรือ มีชื่อบัญชีเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ยังทำให้เกิดความสะดวกในการใช้เลือกใช้รหัสบริการในการออกเอกสารให้บริการแก่ลูกค้า เช่น

    • รหัสบริการ A - 410201 รายได้จากการให้บริการ

    • รหัสบริการ B - 410201 รายได้จากการให้บริการ

    • รหัสบริการ C - 410201 รายได้จากการให้บริการ

    • รหัสบริการ D - 410201 รายได้จากการให้บริการ

    • รหัสบริการ… - 410201 รายได้จากการให้บริการ

    • รหัสบริการ……….รันรหัสบริการต่อไปเรื่อยๆ

วิธีที่ 2 : ใช้การจัดกลุ่มประเภท เพื่อจัดสรรการรับรู้รายได้ และค่าใช้จ่ายแทนการสร้างผังบัญชี

ด้วยชื่อเดียวกัน

ตัวอย่างเช่น กิจการมีต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A โดยแบ่งเป็นของ 4 แผนก ประกอบด้วย แผนกการขาย, แผนกการตลาด, แผนกบุคคล และแผนกบัญชี โดยทั้ง 4 แผนกนี้มีการบันทึกบัญชีเป็นต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A ทุกรายการ

  • การใช้ผังบัญชีแบบเดิม สร้างผังบัญชีและรันเลขที่บัญชีตามรายการต้นทุนฟรือค่าใช้จ่ายตามแผนกนั้นๆ จะทำให้เกิดชื่อบัญชีต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายมีปริมาณมากเกินความจำเป็น เช่น

    • 510104-01 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกการขาย

    • 510104-02 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกการตลาด

    • 510104-03 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกบุคคล

    • 510104-04 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกบัญชี

    • 510105-01 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย B - แผนกการขาย

    • 510105-02 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย B - แผนกการตลาด

    • 510105-03 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย B - แผนก ……. ต่อไปเรื่อยๆ

  • การวางแผนใช้ผังบัญชีใหม่ สร้างกลุ่มจัดประเภทสำหรับแผนก เพื่อเปิดใช้การจัดกลุ่มประเภทลงบนหน้าเอกสารที่บันทึกค่าใช้จ่าย เลือกชื่อบัญชีที่ต้องการบันทึกต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายนั้นๆ ใช้ชื่อบัญชีเดียวกันทุกแผนก จะทำให้ผังบัญชีต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย ปรากฎผังบัญชีเพียงชื่อบัญชีเดียว หรือ มีชื่อบัญชีเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ช่วยตอบโจทย์ความต้องการการเรียกดูรายงานเชิงเปรียบเทียบได้ เช่น

    • 510104 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกการขาย

    • 510104 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกการตลาด

    • 510104 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกบุคคล

    • 510104 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย A - แผนกบัญชี

    • 510105 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย B - แผนกการขาย

    • 510105 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย B - แผนกการตลาด

    • 510105 ต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย B - แผนก ……. ต่อไปเรื่อยๆ

Did this answer your question?